นางฟ้าซากิ - นางฟ้าซากิ นิยาย นางฟ้าซากิ : Dek-D.com - Writer

    นางฟ้าซากิ

    เมื่อนางฟ้าแสนซน ต้องการลงมาทดสอบมนุษย์โลก ผู้ไร้ซึ่งตัวตนบนสวรรค์มาเนิ่นนาน เธอจะสามารถทำให้มนุษย์เหล่านั้น ผ่านบททดสอบที่เธอได้ตั้งไว้หรือไม่ เรามาลองดูกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    277

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    277

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 มี.ค. 59 / 10:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

     

     

                  บททดสอบของนางฟ้า ซากิ

     

                   ท้องฟ้าสีครามไม่มีทางเดียวดาย เมื่อมีปุยเมฆขาวโอบล้อมตลอดมา เป็นเวลานานแสนนาน เช่นดั่งสรวงสวรรค์ ย่อมไม่มีทางที่จะปราศจากนางฟ้าแสนงดงาม ที่คอยโบกสะบัดปีกสีนวลระยิบระยับ พร่างพราวไปด้วยความสวยงามเหนือชั้นดาวดึงส์

                    จะมีก็แต่นางฟ้าแสนซนหนึ่งนาง ที่ความคิดอ่านนั้นช่างไร้เดียงสา และมีคำถามมากมายให้ผู้เป็นมารดาคอยตอบอยู่ร่ำไป จนกระทั่งวันแห่งความสงสัยเริ่มขึ้นอีกครั้ง

                    “ท่านแม่ “เสียงเรียกขานมารดาเจื้อยแจ้วออกมาจากปากนางฟ้าแสนงดงาม

    บัดนี้ ซากิจัง ไม่ใช่นางฟ้าตัวน้อยอีกต่อไปแล้ว นางโตพอที่จะกางปีกโฉบไปมาได้ทุกพื้นที่ในชั้นวิมาน แต่ความฉงนในจิตใจก็ยังไม่อาจเสื่อมคลาย หากว่านางไม่ได้ลงไปยังโลกมนุษย์แม้เพียงสักครั้งเดียว

                    “ข้าอยากลงไปยังโลกมนุษย์ ข้าอยากรู้สาเหตุว่าทำไมพวกเขามาเยือนสวรรค์ชั้นฟ้า แค่นานๆครั้งเท่านั้น เหล่ามนุษย์ไม่มีความดีหลงเหลืออยู่เลยหรืออย่างไรกัน “ความอยากรู้อยากเห็นของนางฉายชัดอยู่ในแววตาสีคราม นัยน์ตาคู่นั้นช่างสวยสดใสเปล่งประกายยามจับต้องแสงส่องของสุริยา

                    “ซากิจัง ลูกยังเยาว์นัก ไม่สมควรเลยที่จะอยากเห็นสิ่งเลวร้าย ในด้านที่มืดมิดที่สุดของสัตว์โลกหรอกนะ ยังมีแสงสว่างปลายอุโมงค์ให้พวกเขาได้ไขว่คว้าเสมอ เมื่อถึงเวลาที่เขาต้องเลือก และอยากครอบครองความดี เมื่อนั้นพระเจ้าพร้อมยื่นหัตถ์ของพระองค์เพื่อเข้าเกาะกุมลูกแกะน้อยที่หลงทาง

                 …ลูกรู้ไหม วังวนเช่นนี้มันเกิดขึ้นและหมุนเวียนเสมออีกทั้งยาวนานมาแล้ว จนตราบดวงตะวันจะถึงกาลสิ้นสูญโน่นแหละ “ผู้เป็นมารดาร่ายยาวจนจบ แต่หาได้นำพาให้นางฟ้าแสนซุกซนลดละความพยายามที่จะทดสอบมนุษย์เหล่านั้นเลย

    ความดื้อรั้นฉายออกมาอย่างชัดเจนในวันต่อมา

                    นางลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อการนี้โดยเฉพาะ และปรากฏกายให้มนุษย์สามชนิดเห็นตัวตนของนาง  มนุษย์ชนิดที่หนึ่งคือเศรษฐี รองลงมาคือพ่อค้าวานิช อีกคนคือชายยากจนทำอาชีพตัดฟืนขาย ชายคนหลังสุดนี้ท่าทางมอมแมม เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบถ่านเกรอะดำเปื้อนเสื้อผ้า มือไม้หยาบสากด้วยใช้แรงงานเป็นสำคัญ แต่เมื่อมองดูใบหน้าเปื้อนรอยเลอะนั่นแล้ว กลับพบว่ารอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า ช่างเปี่ยมไปด้วยความสุขใจ แววตานั้นยิ้มออกมาเมื่อพบเจอผู้คนแม้ตนเองจะถูกมองเมิน จากชนชั้นอื่นๆก็ตามที

                    แล้วนางก็ยื่นข้อเสนอให้เหล่าคนผู้นั้นตาโตด้วยความโลภโมโทสัน ที่ฉายชัดออกมา

     นางเริ่มต้นด้วยการบอกที่ซ่อนของวิเศษ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูง แต่ว่าตอนนี้นางไร้ซึ่งปีกบิน ไม่สามารถไต่ขึ้นไปยังยอดเขานั้นได้ หากมีผู้ใดสามารถนำของนั่นลงมาได้นางจักขอบคุณยิ่งนัก และรางวัลก็คือสิ่งที่ล่อใจจะมีใครสักกี่คนกันจะยอมปฏิเสธมันเล่า  

                    และแน่นอนทีเดียว ว่าอุบายที่นางคิดขึ้นนี้ ย่อมใช้ได้ผลกับมนุษย์ที่มีแค่มือและเท้า กับมันสมองที่แตกต่างของแต่ละคน ว่าจะมีแต่ความฉ้อฉลหรือแสดงความจริงใจออกมา นางจำเป็นต้องมุสาเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการ และคนแรกคือเศรษฐีผู้มีน้ำใจอันเต็มไปด้วยความจอมปลอม เขายินดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เสมอเมื่อมีสิ่งแลกเปลี่ยน ไม่ว่าสิ่งที่มีค่าเหล่านั้นจะเป็นวัตถุหรือร่างกายของผู้อ่อนเดียงสาก็ตามที

                    “ไม่ต้องห่วงหรอกนางฟ้า ข้าจะไปให้ถึงเป็นคนแรกแน่นอน เพราะข้ามีม้าและผู้รับใช้มากมาย ฮ่าๆๆ”เขาหัวเราะออกมาพร้อมกับยืดอกแน่น อวดเบ่งความมีบารมีนักหนาของตน แต่ซากินางฟ้าก็มีข้อตกลงอีกอย่าง คือต้องฝ่าข้ามภูเขาไปเพียงคนเดียว

                    “ได้สิไม่มีปัญหา แล้วข้าจะนำของวิเศษมาสู่มือท่านเอง”ว่าแล้วเขาก็ควบม้านำดิ่งออกไปเป็นคนแรก โดยต้องการทิ้งระยะทางให้ห่างจากสองคนที่เหลือแบบไม่เห็นฝุ่น

                    “ข้ามีเกวียน แต่คงไม่รวดเร็วเท่าม้าของเศรษฐีเป็นแน่ เพราะฉะนั้นข้าคงอาจไปไม่ทันการ”พ่อค้าวานิชเอ่ยวาจาบอกกับนางฟ้า แล้วเหลือบมองสินค้าของตนที่ต้องเอาไปขายต่อยังเมืองใหญ่ แต่เพราะความที่อยากได้ของวิเศษเช่นกัน จึงได้ทิ้งสินค้าเอาไว้กับลูกหาบโดยไม่เสียดาย แล้วรีบชักม้าตัวที่จะขายออกไปโดยไว”แล้วท่านจะได้ของวิเศษกลับคืนแน่นอน”เขาพูดทิ้งท้ายเอาไว้

    ก่อนที่จะฟาดแส้ลงบนท้ายทอยของเจ้าม้าตัวนั้น ทันทีที่ความเจ็บปวดกระทบผิวหนัง มันก็รีบห้อฝีเท้าเพื่อตะบึงไปข้างหน้าอย่ารวดเร็ว

                    และเหลือแค่คนสุดท้ายแล้ว นางฟ้าหันมองชายตรงหน้าก่อนเอ่ยประโยคคำถามออกมา

                    “แล้วท่านจะไม่ช่วยเหลือข้าหรือไร ท่านคนตัดฟืน”แน่นอนว่าเขารับปากนาง แต่เมื่อมองดูสภาพของตนเองแล้ว คงมีแค่รองเท้าสานคู่เก่าๆนี่แหละ ที่อาจนำพาร่างกายของตนเพื่อขึ้นไปยังจุดมุ่งหมายที่นางฟ้าต้องการได้

                    “ข้าคงต้องเดินทางด้วยเท้าทั้งสองนี้เท่านั้น เกรงว่าอาจจะไปล่าช้ากว่าผู้อื่นก็เป็นได้ แต่ถ้าหากว่าท่านต้องการข้าก็ยินดีมอบความปารถนานั้นให้”เขาเอ่ยออกมาด้วยวาจาสุภาพ ก่อนจะหันหลังเดินออกไปยังหุบเขาปลายทาง

                    นางฟ้าดีใจยิ่งนักที่บททดสอบของนาง เริ่มจะเห็นเค้าลางอีกด้าน ในจิตใจของมนุษย์ แล้วจะมัวรออะไรอยู่อีกละ ความสนุกมันกำลังจะปรากฏผลลัพธ์ออกมาในอีกไม่ช้านี้แล้ว

                    ฝ่ายเศรษฐีได้ขึ้นมายังภูเขาสูงก่อนผู้อื่น เขาตรงไปยังจุดหมายปลายทางคือถ้ำซึ่งเปลี่ยวร้างไม่เผยสิ่งมีชีวิตใดๆข้างในนั้น และภายใต้แสงสาดของยามสายันต์ เขาแลเห็นหีบสมบัติ ซึ่งเป็นแค่ลังไม้เก่าๆใกล้ผุพังเต็มทีตั้งอยู่บนกองก้อนหิน หากแต่ว่าถ้าข้างในนั้นไม่ได้มีของวิเศษอย่างที่นางฟ้าจากบนสวรรค์บอกมา เขาคงจะปาทิ้งโดยไม่ใยดีแน่ๆ

                    เมื่อเปิดดูก็พบกับกระจกเก่าหนึ่งบานที่ฝ้าฟาง ไม้ขีดไฟหนึ่งกลัก ใบไม้แห้งกรอบกองสุมอยู่หลายใบ รวมทั้งกระบอกไม้ไผ่ที่มีรูรั่วแค่กระบอกเดียว

                    ภาพที่เห็นเหล่านั้นทำให้เขาถึงกับฉุนเฉียวในใจยิ่งนัก ไม่นึกเลยว่านางจะกล้าพูดจาโป้ปดมดเท็จเช่นนี้

    “ นี่หรือของวิเศษ!ทำไมมันช่างด้อยค่าเสียเหลือเกิน เทียบไม่ได้กับกระบอกน้ำทองคำที่ตั้งอยู่บนบ้านของข้า”ถึงแม้จะไม่มีสิ่งที่ตนต้องการ และไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าเจ้ากระบอกไร้ค่าแถมยังมีรูรั่ว มันจะวิเศษวิโศสักแค่ไหน แล้วเศรษฐีก็นำมันกลับออกมาทั้งที่ยังขุ่นเคืองใจอยู่ไม่หาย

    “หึหึ นางฟ้าจอมหลอกลวง ข้าไม่นำสิ่งนี้ไปคืนเจ้าหรอก ปล่อยให้เจ้ากลับสรวงสวรรค์ไม่ได้นั่นละดีแล้ว ฮ่าๆๆ”เจ้าคนดีแต่เปลือกหัวเราะออกมาอย่างย่ามใจ

    เผยตัวตนออกมาแล้วสินะเจ้ามนุษย์ ด้านมืดที่ซากิจังอยากที่จะรับรู้ มันช่างน่าขยะแขยงสิ้นดี แต่ในเมื่อการทดสอบยังไม่เสร็จสิ้น นางฟ้าหวังเพียงว่า ความสว่างคงฉายอยู่ในตัวตนของอีกหนึ่งในสองคนเป็นแน่ เดี๋ยวก็รู้!

    ในเวลาไม่นานนัก พ่อค้าวานิชคือคนต่อมาที่พิชิตยอดเขา  ชายคนนี้มีความรอบคอบสูงมาก เขาเป็นคนที่คาดหวังในการทำกำไรเรื่องค้าขาย แต่เมื่อเขายื่นหน้าเข้าไปเพื่อชะเง้อมองในหีบใบนั้น กลับต้องส่ายหัวด้วยความผิดหวัง ความคิดในตอนแรกเรื่องของวิเศษในสมองของเขา อาจหมายถึงอัญมณี ซึ่งมีค่ามากเมื่อนำไปขาย เขาไม่สนใจของวิเศษเลิศล้ำใดๆ นอกจากเหรียญเพนนีซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนได้ทุกอย่างบนโลกกว้าง เงินตราคือสิ่งที่เขาปารถนาที่สุด หาใช่สิ่งที่นางฟ้าพูดออกมา

    เขาไม่เชื่อเลยสักนิดว่าของวิเศษจะมีอยู่จริง!

    แต่ก็ไม่อาจให้เจ้าเศรษฐีใจคดนั่นได้ครอบครอง แน่นอนว่าความริษยาได้เผยตัวตนออกมาแล้ว เขายื่นมือไปเพื่อหยิบกระจกที่มัวหมองขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา ก่อนจะนำมันออกมาเพียงอย่างเดียว เพื่อหวังว่ามันคงจะขายได้แม้จะแลกกับเงินแค่เหรียญเดียวก็ตามที

    “ข้าจะขายเจ้ากระจกวิเศษนี่ได้สักกี่เหรียญกันเชียว หึหึ”เขาเดินออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีสิ่งใดติดมือออกมาเลย

    โอ้!ชายคนนี้ก็ไม่คิดที่จะนำมันกลับมาให้ข้าอีกคนหรือนี่ ความคิดมนุษย์นี่หนาช่างน่าเกลียดยิ่งกว่าปรสิตในโคลนตมเสียอีก ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าคนสุดท้ายจะนำความดีมาให้ข้าได้ชื่นชมหรือไม่ ข้าคงต้องจับตามองแบบไม่คลาดสายตาเสียแล้วละ

    ในเวลาไม่นานชายตัดฟืนก็ตามขึ้นมา เขาวางขวานคู่ชีพลงข้างหีบ ก่อนที่จะใช้มือหยาบและยังคงมีรอยเปื้อนของถ่านกอบใบไม้ ที่ทั้งสองคนก่อนหน้าทิ้งเอาไว้ขึ้นมา ด้วยว่ามันไม่มีค่าและราคาใดแก่ผู้ครอบครองทั้งสองเลย เสร็จแล้วก็หยิบไม้ขีดหนึ่งกลัก เขาค่อยๆเลื่อนรางมันออกมาก็พบว่ามันชื้นเหลือเกิน แถมยังมีจำนวนอยู่น้อยนิดเมื่อเทียบกับกล่องขนาดใหญ่ที่มันอาศัยอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดจะทิ้งมันเอาไว้ และนำมันกลับออกมาพร้อมกับหีบแสนเก่าใบนั้น

    ไม่มีความคิดที่ชั่วร้ายใดๆ ผุดออกมาจากห้วงภวังค์ มันช่างบริสุทธ์เช่นเพชรแท้ เขาต้องนำมันกลับไปให้นางฟ้า

    “ป่านนี้นางคงรออยู่แน่แท้ ข้าต้องรีบนำไปให้นางโดยเร็วที่สุด”คิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่รอช้า ก้มลงหยิบขวานคู่ใจก่อนจะนำฝ่าเท้าเดินออกมา อย่างสุขใจ

    ข้าพบแล้ว!ชายผู้ที่สรวงสวรรค์ต้องการ ถ้าหากว่าจิตใต้สำนึกของเขาไม่คิดทรยศจิตใจเสียก่อนนะ แล้วข้าจะรอผลลัพธ์สุดท้าย อยากรู้จริงๆว่าสุดท้ายแล้ว มนุษย์จะทำอย่างไร เมื่อมองเห็นมัจจุราชที่กำลังจะช่วงชิงลมหายใจสุดท้ายอยู่ตรงหน้า แล้วจะได้เห็นกันว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เป็นเช่นไร หากความอ่อนแอคืบคลานเข้ามา

    นางฟ้าซากิดลบัลดาลท้องฟ้า ให้กลุ่มเมฆก่อตัวทะมึนเคลื่อนไหวขึ้นกลางอากาศ เพียงไม่นานริ้วสายฟ้าฟาดผ่านลงสู่เบื้องล่าง ก่อนก่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง กำลังตกลงมาอย่างบ้าคลั่งเปรียบดั่งเช่นเทพเจ้าโกรธา เพียงเท่านั้นอาจยังไม่สาแก่ใจ พายุหมุนลูกใหญ่พัดเกลียวเป็นวงเหมือนงวงช้างขนาดมหึมา กำลังเดินทางมาหาชายทั้งสามคน ซึ่งบัดนี้สอดส่ายสายตามองหาที่พักพิง เพื่อให้รอดพ้นจากมฤตยูที่กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาแม้เป็นภาพที่เชื่องช้า แต่ทว่าความรุนแรงนั้นช่างมหาศาล

    ซากินางฟ้าเริ่มบททดสอบต่อไป ความเฉลียวฉลาดในจิตมนุษย์นั้น จะสามารถหาทางรอดจากความพิโรธของธรรมชาติได้เชียวหรือ นางฟ้าจอมซุกซนมองตามอย่างไม่คลาดสายตา หนีเร็วเข้าเจ้าพวกประเสริฐเลิศเลอทั้งหลาย

    หนึ่งในทั้งสามคน เหลียวมองไปเห็นถ้ำซึ่งมันได้ซุกซ่อนอยู่ในดงเถาวัลย์ขนาดยักษ์ ทั้งหมดไม่รอช้ารีบทะยานเข้าไปด้านในทันที เพียงเสี้ยววินาทีพายุลูกใหญ่ก็กระทบกับตัวถ้ำด้านนอก ความรุนแรงจากการชนทำให้เกิดก้อนหินลูกใหญ่ตกลงมาขวางปากทางเขาเสียเกือบมิด จะมีก็แต่ช่องเล็กๆที่พอจะสอดมือออกไปได้เท่านั้น

    แสงสว่างส่องอยู่ปลายอุโมงค์ เกิดขึ้นเบื้องหน้าแล้วในตอนนี้  แต่ไร้ซึ่งความหวังอย่างสิ้นเชิง ในถ้ำอับชื้นและมืดมิด เศรษฐีเฝ้าโทษนางฟ้าที่หลอกลวงตน พ่อค้าก็โทษทุกคนยกเว้นตัวเอง แต่ทั้งสองต่างมองข้ามความโลภของตนเสียสิ้น

    คงจะมีแค่เพียงชายเนื้อตัวมอมแมม ที่บัดนี้ไม่มีค่าใดๆที่ทั้งสองคนจะเสียเวลาสนทนาด้วยเท่านั้น  ดูเอาเถอะจนถึงขนาดนี้แล้วเขาก็ยังไม่เป็นที่ต้องการของใครๆอยู่ดี จนกระทั่งเศรษฐีได้เอ่ยวาจาหนึ่งออกมา น้ำเสียงนั่นเต็มไปด้วยความดูแคลนยิ่งนัก

    “นี่เจ้าคนชั้นต่ำ เจ้าไม่โทษนางฟ้าจอมปลิ้นปล้อนนั่นบ้างหรือไรกัน”เขาพูดเย้ยหยันอยู่ในที แต่ชายผู้ต่ำต้อยกลับไม่ออกความเห็นใดๆนอกจากหาวิธีออกไปจากถ้ำแห่งนี้โดยเร็ว เขาได้เอ่ยถามว่าแต่ละคนได้นำของสิ่งใดจากหีบติดตัวมาบ้าง

    “ข้ามีกระบอกรั่วอยู่หนึ่งกระบอก แต่มันจะใช้การอะไรได้ ใส่น้ำรึก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”เศษรฐีปรามาสในความสามารถของพาชนะรั่วอันนั้น

    “แต่ท่านก็สามารถรองรับน้ำที่ไหลมาจากซอกหิน เพื่อดื่มได้นะท่านลองทำดูสิ”ชายตัดฟืนแนะนำแล้วมันก็ทำได้จริงๆ เศรษฐีซึ่งกระหายน้ำอยู่แล้วกลับพูดขึ้นใหม่”แต่อีกในไม่ช้าพวกเราก็ต้องตายกันอยู่ดี”วาจานั้นแฝงไปด้วยความหดหู่

    ช่างน่าอดสูใจยิ่งนัก ไม่สมกับที่มีเงินทองกองท่วมหัวแต่ไม่อาจเอาตัวรอดในสภาวะวิกฤตินี้ไปได้ มันสมองของเขาตอนนี้กลายเป็นปุยนุ่นหรืออย่างไร?

    “แล้วท่านล่ะ ท่านพ่อค้าได้นำสิ่งใดติดตัวมาบ้าง”ชายคนเดิมเอ่ยถาม ขณะนั้นตัวเขาเองก็กำลังสุมใบไม้แห้ง เพื่อก่อความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย และเวลาเดียวกันนั้นภายในถ้ำก็สว่างสไวถูกจุดขึ้นจากก้านไม้ขีด ก่อนที่เขาจะโยนลงไปยังกองใบไม้สีน้ำตาลที่แห้งกรอบ เพื่อสุมความสว่างบนกองกูณฑ์

    “กระจกที่มัวหม่นหนึ่งบาน ข้าได้นำมันออกมาเพื่อแลกกับเหรียญแค่ไม่กี่เพนนี”เขาบอกก่อนที่จะเอ่ยขึ้นซ้ำ”แล้วมันจะทำประโยชน์อันใดได้บ้างละ”นัยน์ตาที่สะท้อนกองไฟฉายแววฉงนกับสิ่งที่ตนถืออยู่ ด้วยคิดว่ามันคงใช้งานได้แค่มองเงาสะท้อนของตนเองเท่านั้น พลัน!ความคิดหนึ่งผุดวาบขึ้นในสมอง

    เงาสะท้อน!ใช่แล้วเงาสะท้อนนั่นเอง!

    ไวเท่าความคิด เขาใช้กระจกบานนั้นส่องออกไปยังช่องแคบเบื้องหน้า ซึ่งในตอนนี้นั้นมันได้กระทบกับแสงอาทิตย์ ส่องแสงสะท้อนไปมาในอากาศ และช่างโชคดีเหลือเกินที่ลูกหาบของพ่อค้าได้ขึ้นมาตามตัวเขา หลังจากพายุฝนผ่านไปเพียงไม่นานนัก

    ทั้งสามต่างร้องตะโกนเพื่อให้คนข้างนอกช่วยเหลือออกมาได้สำเร็จ ต่างคนต่างซาบซึ้งในน้ำใจของกันและกัน  โดยเฉพาะเศรษฐีเขากลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพราะรู้ซึ้งแล้วว่าสิ่งมีค่าที่สุดไม่ใช่ความร่ำรวย แต่คือมิตรภาพและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในยามตกทุกข์มากกว่า

    ส่วนพ่อค้าวานิช เขาเข้าใจแล้วว่าสมองอัน ปราชเปรื่องของเขานั้น ไม่ใช่มีไว้ทำแต่กำไรเพียงอย่างเดียว เขาได้แบ่งปันสิ่งของเล็กๆน้อยๆแก่ผู้ยากไร้ และหยุดฉวยโอกาสจากการค้าเพราะได้ค้นพบมิตรภาพเช่นกัน

    ชายตัดฟืนผู้ยากไร้แต่คงไว้ซึ่งความซื่อสัตย์ เขาได้รับมิตรภาพจากคนต่างชนชั้นและคนเหล่านั้น ก็ยอมรับว่าในความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงนั่น ยังมีสิ่งแปลกใหม่ที่พวกคนชั้นสูงไม่มีทางค้นเจอ คือความดีและความพอเพียงในจิตใจ ที่พวกเขากระทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

    ส่วนนางฟ้าเจ้าปัญหาก็บรรลุซึ่งสิ่งที่ตนเองพยายามค้นหา และกลับสู่สรวงสวรรค์อย่างไม่ติดใจอะไรในตัวมนุษย์อีก แต่ก็ไม่แน่นะนางฟ้าซากิอาจจะยังคิดเล่นอะไรพิเรณท์อยู่อีกก็ได้

    หึหึ ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะพวกมนุษย์ แล้วข้าจะกลับลงไปเล่นสนุกกับพวกเจ้าอีกในวันข้างหน้าก็อาจเป็นได้

    .ล  แล้วข้าจะกลับมา(จากนางฟ้าซากิ)

    จบเหอะ!!(จากผู้เขียน)

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×